เทคโนโลยี 3G คืออะไร ??
3G หรือ Third Generation เป็นเทคโนโลยีการสื่อสารในยุคที่ 3 อุปกรณ์การสื่อสารยุคที่ 3 นั้นจะเป็นอุปกรณ์ที่ผสมผสาน การนำเสนอข้อมูล และเทคโนโลยีในปัจจุบันเข้าด้วยกันเช่น PDA โทรศัพท์มือถือ Walkman, กล้องถ่ายรูป และ อินเทอร์เน็ต
3G เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาต่อเนื่องจากยุคที่ 2 และ 2.5 ซึ่งเป็นยุคที่มีการให้บริการระบบเสียง และ การส่งข้อมูลในขั้นต้น ทั้งยังมีข้อจำกัดอยู่มาก การพัฒนาของ 3G ทำให้เกิดการใช้บริการมัลติมีเดีย และ ส่งผ่านข้อมูลในระบบไร้สายด้วยอัตราความเร็วที่สูงขึ้น
ลักษณะการทำงานของ 3G เมื่อเปรียบเทียบเทคโนโลยี 2G กับ 3G แล้ว 3G มีช่องสัญญาณความถี่ และ ความจุในการรับส่งข้อมูลที่มากกว่า ทำให้ประสิทธิภาพในการรับส่งข้อมูลแอพพลิเคชั่น รวมทั้งบริการระบบเสียงดีขึ้น พร้อมทั้งสามารถใช้ บริการมัลติมีเดียได้เต็มที่ และ สมบูรณ์แบบขึ้น
เช่น บริการส่งแฟกซ์, โทรศัพท์ต่างประเทศ ,รับ-ส่งข้อความที่มีขนาดใหญ่ ,ประชุมทางไกลผ่านหน้าจออุปกรณ์สื่อสาร, ดาวน์โหลดเพลง, ชมภาพยนตร์แบบสั้นๆ เทคโนโลยี
ลักษณะการทำงานของ 3G
เมื่อเปรียบเทียบเทคโนโลยี 2G กับ 3G แล้ว 3G มีช่องสัญญาณความถี่ และ ความจุในการรับส่งข้อมูลที่มากกว่า ทำให้ประสิทธิภาพในการรับส่งข้อมูลแอพพลิเคชั่น รวมทั้งบริการระบบเสียงดีขึ้น พร้อมทั้งสามารถใช้ บริการมัลติมีเดียได้เต็มที่ และ สมบูรณ์แบบขึ้น เช่น บริการส่งแฟกซ์, โทรศัพท์ต่างประเทศ ,รับ-ส่งข้อความที่มีขนาดใหญ่ ,ประชุมทางไกลผ่านหน้าจออุปกรณ์สื่อสาร, ดาวน์โหลดเพลง, ชมภาพยนตร์แบบสั้นๆ
จุดเริ่มต้นของเทคโนโลยี 3G
มาตรฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่ยุคที่ 3 (Third Generation Mobile Network หรือ 3G) เป็นเทคโนโลยียุคถัดมาจากการเปิดให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ยุคที่ 2 หรือ 2G ซึ่งประสบความสำเร็จในการสร้างมูลค่าทางธุรกิจสื่อสารไร้สายอย่างมหาศาลนับตั้งแต่ พ.ศ. 2537 เป็นต้นมา ในยุคของโทรศัพท์เคลื่อนที่ 2G มีมาตรฐานที่สำคัญที่มีการนิยมใช้งานทั่วโลกอยู่ 2 มาตรฐาน กล่าวคือมาตรฐาน GSM (Global System for Mobile Communication) อันเป็นมาตรฐานของกลุ่มสหภาพยุโรป ปัจจุบันมีส่วนแบ่งทางการตลาดทั่วโลกสูงที่สุด และมาตรฐาน CDMA (Code Division Multiple Access) อันเป็นมาตรฐานจากสหรัฐอเมริกา มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับที่สอง
จุดมุ่งหมายของการพัฒนามาตรฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่ 2G ขึ้น ก็เพื่อตอบสนองความต้องการใช้งานระบบสื่อสารไร้สายส่วนบุคคล (Personal Communication) ในลักษณะไร้พรมแดน (Global Communication) โดยเปิดโอกาสให้ผู้ใช้บริการสามารถนำเครื่องลูกข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ไปใช้งานในที่ใด ๆ ก็ได้ทั่วโลกที่มีการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ดังกล่าว และยังเป็นยุคของการนำมาตรฐานสื่อสารแบบดิจิตอลสมบูรณ์แบบมาใช้รักษาความปลอดภัย และเสริมประสิทธิภาพในการสื่อสารหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นบริการส่งข้อความแบบสั้น (Short Message Service หรือ SMS) และการเริ่มต้นของยุคสื่อสารข้อมูลผ่านเครื่องลูกข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นครั้งแรก โดยมาตรฐาน GSM และ CDMA ตอบสนองความต้องการสื่อสารข้อมูลด้วยอัตราเร็วสูงสุด 9,600 บิตต่อวินาที ซึ่งถือว่าเพียงพอเมื่อเปรียบเทียบกับอัตราเร็วของการสื่อสาร ผ่านโมเด็มในเครือข่ายโทรศัพท์พื้นฐานเมื่อกว่าสิบปีก่อน
3G ช่วยให้ชีวิตประจำวันสะดวกสบายและคล่องตัวขึ้น โดย โทรศัพท์เคลื่อนที่เปรียบเสมือน คอมพิวเตอร์แบบพกพา, วิทยุส่วนตัว และแม้แต่กล้องถ่ายรูป ผู้ใช้สามารถเช็คข้อมูลใน account ส่วนตัว เพื่อใช้บริการต่างๆ ผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ เช่น self-care (ตรวจสอบค่าใช้บริการ), แก้ไขข้อมูลส่วนตัว และ ใช้บริการข้อมูลต่างๆ เช่น ข่าวเกาะติดสถานการณ์, ข่าวบันเทิง, ข้อมูลด้านการเงิน, ข้อมูลการท่องเที่ยว และ ตารางนัดหมายส่วนตัว “Always On” คุณสมบัติหลักของ 3G คือ
มีการเชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายของ 3G ตลอดเวลาที่เราเปิดเครื่องโทรศัพท์ (always on) นั่นคือไม่จำเป็นต้องต่อโทรศัพท์เข้าเครือข่าย และ log-in ทุกครั้งเพื่อใช้บริการรับส่งข้อมูล
ซึ่งการเสียค่าบริการแบบนี้ จะเกิดขึ้นเมื่อมีการเรียกใช้ข้อมูลผ่านเครือข่ายเท่านั้น โดยจะต่างจากระบบทั่วไป ที่จะเสียค่าบริการตั้งแต่เราล็อกอินเข้าในระบบเครือข่าย อุปกรณ์สื่อสารไร้สายระบบ 3G สำหรับ 3G อุปกรณ์สื่อสารไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่โทรศัพท์เท่านั้น แต่ยังปรากฏในรูปแบบของอุปกรณ์ สื่อสารอื่น เช่น Palmtop, Personal Digital Assistant (PDA), Laptop และ PC
______________________________________________________________
Tablet คืออะไร ??
เครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีคุณสมบัติเท่ากับคอมพิวเตอร์ทั่วไป แต่เสริมความสามารถต่างๆ เช่น ขนาดเล็ก น้ำหนักเบา สามารถใช้ปากกาดิจิตอลสั่งการได้ที่หน้าจอภาพโดยตรง เป็นต้น สำหรับระบบปฏิบัติการก็ยังคงใช้ Windows XP สำหรับ Tablet PC โดยเฉพาะ โดยใช้ชื่อว่า Windows XP Tablet PC ลักษณะภายนอกของตัวเครื่องคอมฯ จะเหมือนกัน Notebook ทั่วไป (ถ้าไม่ได้มีการสังเกตให้ดีๆ)
ทำไมต้องเป็น Tablet PC
- ขนาดเล็ก พกพาสะดวก น้ำหนักเบา
- แบตเตอรี่ทำงานได้ยาวนานกว่า
- บางรุ่นสามารถหมุนหน้าจอได้ บางรุ่นสามารถแยกแป้นพิมพ์ออกจากกันได้
- สามารถใช้ปากกาดิจิตอลสั่งงานได้
- สามารถเขียนด้วยลายมือด้วยปากกาดิจิตอลและแปลงเป็นตัวอักษรได้อัตโนมัติ
- Microsoft Office ก็มีรุ่นที่รองรับกับ Tablet PC โดยเฉพาะเช่นกัน
- มีโปรแกรมเสริมอื่นๆ อีก ที่รองรับการใช้งาน Tablet PC
- สะดวกและเหมาะสำหรับการนำเสนอ เพราะขนาดบางเบา แถมหมุนหน้าจอได้ระหว่างการนำเสนองาน
ปัจจุบันมีคอมพิวเตอร์หลายๆ ยี่ห้อได้พัฒนา Tablet PC ออกได้ให้เราได้เลือกเปรียบเทียบกันได้ ได้แก่ HP, Fujitsu, Toshiba, Acer Kindle Keyboard Black Friday 2011 Sale เป็นต้น แต่สำหรับเรื่องราคาแล้ว ยังต้องยอมรับว่าค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับ Notebook ทั่วไป ยังคงก็ถือว่าเป็นทางเลือกอีกอย่างหนึ่ง สำหรับคนใช้เทคโนโลยีอย่างเราๆ
Tablet กับเด็ก ป.1
หลังจากที่รัฐบาลออกมาประกาศว่าจะแจก Tablet ให้กับเด็กป.1 ซึ่งหลายฝ่ายก็สนับสนุนเพราะเห็นว่าเราควรปลูกฝังเรื่องเทคโนโลยีให้เด็กตั้งแต่ตอนนี้ จะทำให้เด็กมีความรู้เรื่องเทคโนโลยีได้ไม่แพ้กับชาติอื่นๆ แต่หลายฝ่ายก็ไม่สนับสนุน เพราะเห็นว่า เด็กป.1 ยังไม่สามารถแยกแยะได้ว่าควรจะใช้อย่างไร และยังไม่จำเป็นต้องใช้ ในความคิดเห็นของดิฉันคิดว่า Tablet มีทั้งข้อดีและข้อเสีย หากจะแจก Tablet ให้กับเด็กป.1จริงๆ ก็ควรบอกวิธีการใช้ให้เกิดประโยชน์ และบอกโทษต่างๆ เมื่อใช้ Tablet ก็จะทำให้เด็กได้รับความรู้อย่างเต็มที่และเกิดประโยชน์ แต่หากแจกให้กับเด็กป.1เพียงชั้นเรียนเดียว จะไม่เกิดความยุติธรรม เพราะเด็กในชั้นเรียนอื่นๆ อาจจำเป็นต้องใช้มากกว่าเด็กป.1
ร้อยละ94.1ไม่เห็นด้วย'แท็บเล็ตป.1'
จากการสำรวจความเห็นกลุ่มตัวอย่าง 407 คน หัวข้อความคิดเห็นต่อการแจกแท็บเล็ตแก่เด็กนักเรียนชั้น ป.1 ร้อยละ 94.1 ไม่เห็นด้วยเนื่องจากยังเด็กเกินไป
นักวิชาการชี้ เด็กอายุ 6-8 ปี ควรได้เรียนรู้ได้สัมผัสของจริง การเรียนรู้ผ่านแท็บเล็ตจะทำให้พัฒนาการของเด็กแย่ลง มีปัญหาสายตาและสุขภาพ ด้านอาจารย์ผู้นำมาทดลองใช้ เผย เหมาะจะใช้กับเด็กมัธยมปลายมากกว่า.
_________________________________________________